เมย์คิดมาตลอดว่าตัวเองถูกเลี้ยงมาแบบสมัยใหม่ที่ถูกสอนให้เราคิดเองและทำ อะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเอง แต่ก็มีบางอย่างเหมือนกันที่ทำให้เราต้องแปลกใจ… อย่างของเล่นชิ้นโปรดที่บ้านจะไม่ใช่เกมกดเหมือนของคนอื่น แต่จะเป็นชุดหม้อข้าวหม้อแกงดินเผาที่คุณย่าหามาให้ ซึ่งเราใช้ “เล่นทำอาหาร” โดยนำดอกไม้หลายๆ สีในสวนมา “ผัด” หรือนำใบไม้มาฉีกๆ แล้วตำในครกจิ๋วที่มาด้วยกัน นานๆ ทีก็มีผู้ใหญ่ว่างมาเล่นด้วย เราก็โชคดีได้กินอาหารจริงๆ อย่างแกงจืดตำลึงหรือขนมครกไข่นกกระทา ทำชุดขนมครกดินเผา ของในสวนที่เราสามารถเก็บมา “เล่นทำอาหาร” นั้นต้องเป็นต้นไม้ดอกไม้ที่มีปลูกอยู่แยะอย่าง ดอกเข็มสีต่างๆ ดอกชบา ใบจากไม้ยืนต้นต่างๆ ห้ามเราไปเด็ดดอกไม้หายากพวกว่านหรือผลไม้ที่กินได้จริงๆ มาเล่นเด็ดขาด
บ้าน ที่เมย์อยู่นั้นจะเคยมีต้นมะดันต้นใหญ่ปลูกอยู่ริมน้ำ เราต้องมีการตัดเล็มกิ่งอยู่เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ต้นสูงใหญ่จนเอียงลงไปในน้ำ กิ่งที่เล็มลงมานี้มักจะมีลูกมะดันติดมาด้วย เราจะต้องเลือกลูกดีๆ สวยๆ ไปแช่อิ่มและทำอาหาร ส่วนลูกที่ไม่ค่อยดีก็ทิ้งไป หรือคัดไป “เล่นทำอาหาร” ได้
เมื่อมีปฏิบัติการตัดต้นมะดัน อาหารที่มีขึ้นโต๊ะตอนเย็นเสมอก็คือ “ต้มกะทิสายบัวปลาทู” ซึ่งเป็นอาหารที่เมย์ ชอบมาก เพราะเป็นแกงกะทิที่ออกรสทั้งสามรส เปรี้ยวเค็มหวาน เริ่มต้นนั้นเราต้องโขลกพริกแกงให้เข้ากันก่อน โดยตำพริกไทยขาว 4 เม็ดให้ละเอียด ตามด้วยหอมแดงหั่น 3 หัว กะปิดี 2 ช้อนชา ระหว่างนั้นให้ต้มหางกะทิ 400 มิลลิลิตร (เดี๋ยวนี้คนใช้กะทิกล่องกันแยะเพราะกะทิสดยากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนที่ใช้กะทิกล่องให้ใช้น้ำสะอาด 200 มิลลิลิตร ผสมกับกะทิ 200 มิลลิลิตร)
พอร้อนแล้วใส่พริกแกงที่ตำไว้ เกลือ 1/2 ช้อนชาและมะดัน (เราไม่มีต้นมะดันแล้ว เลยใช้ลูกตะลิงปลิงเปรี้ยวๆ แทนค่ะ) 4-5 ลูกหั่นตามขวางลงต้มพอนิ่ม ใส่สายบัว 300 กรัม ที่เด็ดเป็นท่อนๆ และปลาทูนึ่ง 2 ตัว ลงต้มด้วยไฟกลางจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลอย่างละเท่าๆ กันให้ออกรสเปรี้ยวเค็มหวาน ตั้งไฟกลางจนสายบัวนิ่ม ใส่หัวกะทิอีก 4-5 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วค่อยยกลงตั้งโต๊ะทานกับข้าว
อาหารประจำบ้าน
น้ำปลา น้ำตาล
ตู้กับข้าว
หอมแดง กะปิ ปลาทูนึ่ง สายบัว
กะทิ น้ำมะขามเปียก
รสชาติของชีวิต
มะดัน/ตะลิงปลิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น