วันพุธที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒
อาหารเช้าตอนกลางคืน 2 ปาเต๊ะทูน่า
นอกจากแยมแล้ว เรายังชอบทานขนมปังปิ้งกับ ปาเต๊ะ (pate’) อีกด้วยค่ะ ปาเต๊ะที่เราทานๆ กันอยู่ ส่วนมากจะทำจากเนื้อสัตว์และตับบด แต่ที่เราไม่ค่อยเจอเลยคือปาเต๊ะที่ทำจากปลา ซึ่งเมย์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน เพราะทำกินทีไรก็ว่าอร้อยอร่อย ! เมย์ก็เลยนำสูตร “ปาเต๊ะทูน่า” มาแนะนำเพื่อนๆ ลองทำกันดูมั่ง
ทูน่ากระป๋องแบบที่แช่มาในน้ำมันนั้นทำปาเต๊ะได้อร่อยที่สุด เพราะได้เนื้อที่นิ่มเนียนดี แต่ถ้าอยากใช้แบบในน้ำเกลือก็จะได้เนื้อปาเต๊ะที่แข็งกว่าหน่อย และให้ระวังตอนปรุงรสเพราะต้องลดเกลือลงด้วยค่ะ เมื่อเลือกชนิดทูน่าได้แล้ว ให้นำทูน่ากระป๋องละ 180 กรัม (ซึ่งข้างกระป๋องมักจะเขียนว่าน้ำหนักเนื้อ 130 กรัม) เทน้ำเกลือหรือน้ำมันทิ้งให้หมดจนเหลือแต่เนื้อปลาทูน่า แล้วนำไปใส่ในโถบดกับกระเทียมสับ 1/2 ช้อนชา และปลาแองโชวี่ 1 ตัว บดจนเนื้อปลาละเอียดดีจึงใส่เนยจืด 130 กรัม ตัดเป็นชิ้นๆ ลงไปบดด้วย ระหว่างบดต้องคอยหยุดเครื่องปาดโถให้ส่วนผสมเข้ากันนะคะ เมื่อเข้ากันเป็นเนื้อเนียนดีแล้ว ค่อยใส่เครื่องปรุงที่ประกอบด้วย พริกไทยดำบด 1/2 ช้อนชา น้ำมะนาว 2 ช้อนชา เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา (ทูน่ากระป๋องแต่ละยี่ห้อมีความเค็มไม่เท่ากัน อาจต้องใส่เกลือเพิ่มอีกนะคะ) ใส่ถ้วยใบเล็กๆ นำไปแช่ตู้เย็นจนแข็ง โดยปกติเค็กมักจะแช่ปาเต๊ะทูน่าไว้ค้างคืน จะได้นำมาทานกับขนมปังปิ้งร้อนๆ ได้เลยตอนเช้า
อาหารประจำบ้าน
เกลือทะเล พริกไทยดำ ปลาทูน่ากระป๋อง
ตู้กับข้าว
มะนาว เนยจืด กระเทียม
รสชาติของชีวิต
ปลาแองโชวี่
อาหารเช้าตอนกลางคืน หมูตุ๋นยอดผัก
นะคะ… แต่ถามจริงๆ ปีหนึ่งเราได้กินอาหารเช้าแบบนั้นกันกี่หนเชียว?
สำหรับตัวเมย์เองให้ได้เต็มที่ไม่ถึง 20 ครั้งหรอกน่า ทุกวันนี้พอได้กินแบบเต็มชุดทีก็ดีอกดีใจแต่ถ้าต้องกินแบบนั้นกันทุกๆ วันก็คงเบื่อน่าดูเลยล่ะค่ะ ส่วนเวลาที่เหลืออีก 345 วันเมย์ก็จะทานอาหารเช้าแบบปนเปกันไปแล้วแต่ ทั้งน้ำผลไม้คั้น โยเกิร์ต ขนมปังปิ้งกับแยมส้ม cereal กับนมสด หรือกับข้าวที่เหลือจากเมื่อวันก่อนกับข้าวสวย รู้สึกว่ารายการยาวมากและเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เล่าไม่หมดแน่ค่ะ หลายๆ ครั้งเราจะทำกับข้าวสำหรับตอนเช้าเตรียมไว้ล่วงหน้าเลย พอตื่นมาก็แค่อุ่นอีกรอบก็ทานได้เลย อาหารที่ทำเตรียมไว้ตอนกลางคืนมักจะเป็นจำพวกต้มหรือตุ๋นที่เก็บค้างคืนได้ดี
เมย์แนะนำให้ทำ “ซี่โครงหมูตุ๋น” ค่ะ โดยผัดกระเทียมบุบ 5 กลีบ รากผักชีบุบ 3 ราก พริกไทยขาวบุบ 1 ช้อนชา จนหอม ใส่กระดูกหมูหั่นเป็นท่อน 1/2 กิโลกรัม แล้วใส่น้ำให้ท่วมต้มจนเดือดแล้วหรี่ไฟลงช้อนฟองออกให้หมด ใส่ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ อบเชย 2 แท่ง น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา แล้วตุ๋นต่ออีก 1 ชั่วโมงจนเปื่อยดี ชิมรสดูอีกรอบแล้วใส่แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนชาผสมน้ำลงในหม้อเคี่ยวต่อจนแป้งสุกเหนียวยกลง ถึงเวลานี้ก็รอให้เย็นแล้วใส่ห่อเก็บไว้ในตู้เย็นหรือช่องแข็งก็ได้แล้วนำมาอุ่นทานเมื่อต้องการ จะทานเป็นอาหารเช้ากับข้าวสวยก็สะดวกดี (แล้วอย่าไปบอกใครว่าเมย์บอกนะคะเดี๋ยวเสียชื่อหมดแต่ละลายจากช่องแข็งไปใส่บะหมี่ซองก็ใช้ได้นะจ้ะ… อิอิ) ตอนอุ่นอีกทีนั้นเราจะใส่ยอดคะน้าลวกและเติมน้ำมันงาอีกนิดจะอร่อยมากค่ะ
อาหารประจำบ้าน
น้ำมันพืช น้ำตาลทรายแดง ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว แป้งมันสำปะหลัง อบเชย กระเทียม พริกไทยขาย
ตู้กับข้าว
กระดูกหมู
รสชาติของชีวิต
รากผักชีบุบ ยอดคะน้า น้ำมันงา
อาหารฝรั่งรสไทยๆ สปาเกตตี้ปลาเค็ม
ลองดูอย่างเส้นสปาเกตตี้สิคะ พอถูกนำไปเมืองใหม่ก็ถูกนำไปปรุงในรสชาติแบบเมืองนั้นๆ เมย์เคยไปกินสปาเกตตีที่ญี่ปุ่นมีรสชาติไม่เหมือนเคยกินที่อื่นเลยค่ะ เพราะใส่ไข่ปลาค้อดหมักเกลือและสาหร่ายโนริด้วยค่ะ เขาเรียกว่าอาหารฝรั่งในแบบญี่ปุ่นค่ะ แน่นอนประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้า มีอาหารฝรั่งแบบไทยกับเขาเหมือนกันค่ะ สปาเกตตีเวอร์ชั่นไทยนั้นถูกนำไปผัดกับปลาเค็มจนมีกลิ่นหอม (สำหรับคนไทย…ไม่รู้ว่าถ้าฝรั่งได้ชิมจะว่ายังไงบ้างเนอะ)
สปาเกตตีปลาเค็มแบบไทยนั้นทำไม่ยากนะคะ แต่ถ้าจะทำให้อร่อยต้องทำที่เมืองไทยเท่านั้นค่ะ เมย์เคยพยายามทำตอนเรียนหนังสืออยู่เมืองนอก ทำยังไงก็ไม่อร่อยแซบเหมือนรสชาติที่กินในเมืองไทย เพราะปลาเค็มนั้นหายากเลยต้องใช้ปลาแอนโชวี่แทน แถมพริกขี้หนูและใบโหระพาก็ไม่หอมจัดเหมือนของมาจากเมืองไทยอีกต่างหาก
นำปลาอินทรีเค็มลงทอดในน้ำมันจนสุกหอม แล้วแกะเนื้อออกมาใช้ 75 กรัม (เราต้องทอดปลาอินทรีเค็มทั้งชิ้น แล้วแบ่งออกมาใช้เท่าที่ต้องการ ที่เหลือเก็บใส่ขวดโหลเก็บไว้ในตู้เย็นได้ค่ะ) ปอกกระเทียม 40 กรัม แล้วหั่นบางๆ ใช้ไฟอ่อนเจียวกับน้ำมันโอลีฟออยล์ 3 ช้อนโต๊ะ พอกระเทียมเริ่มสุกนิ่มให้ใส่พริกแห้งลงไป 5 เม็ด เมื่อพริกแห้งกรอบ หอม ใส่ปลาเค็มลงผัด ใช้ตะหลิวบี้ปลาเค็มให้แตกสักครึ่งหนึ่งและเหลือเป็นชิ้นไว้อีกครึ่งหนึ่ง ระหว่างนี้ให้ต้มเส้นสปาเกตตี 200 กรัม จนสุกตามวิธีที่เขียนไว้ข้างห่อ เมื่อเส้นสุกก็ใส่ลงคลุกกับปลาเค็มชิมรสดู ปลาเค็มนั้นรสชาติไม่แน่นอน อาจต้องเพิ่มเกลืออีกหน่อย ใส่พริกไทยอ่อน 1 ช้อนโต๊ะ และโหระพา 1 กำ คลุกให้เข้ากันแล้วยกลงเสิร์ฟ ถ้าชอบเผ็ดมากๆ ตอนทานให้บี้พริกแห้งทอดคลุกกับเส้นจะอร่อยมากค่ะ
อาหารประจำบ้าน
น้ำมันโอลีฟออยล์ กระเทียม พริกขี้หนูแห้ง เกลือ
ตู้กับข้าว
สปาเกตตี ปลาอินทรีเค็ม
รสชาติของชีวิต
พริกไทยอ่อน โหระพา
วันศุกร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒
อาหารจิ๋ว คล้ายๆ เปาะเปี๊ยะเวียดนาม
ทอดกรอบๆ ทาร์ตผลไม้อันจิ๋ว หรือพาร์ม่าแฮมห่อขนมปังขาไก่ชิ้นเล็กๆ เรามักจะรู้สึกว่าอาหารทานเล่นคำจิ๋วเหล่านี้อร่อยกว่าคำใหญ่เสมอ และคงต้องมีคนแบบเมย์พอสมควรนะคะ เพราะที่อเมริกานั้นมีคนทำร้านที่ขายแต่อาหาร
minisize พวกนี้อย่างเดียวเลยละคะ เพราะเขาเชื่อว่าการทานอาหาร 3 คำแรกจะได้รสชาติอาหารที่อร่อยที่สุด…หลังจากนั้นก็เป็นส่วนเกิน ก็เลยทำร้านที่ขายอาหารจานเล็กหลายๆ คอร์สแทนการทำอาหารจานใหญ่ไม่กี่คอร์ส
แต่ข้อเสียของเจ้าอาหารจิ๋วพวกนี้คือมักจะมีผักน้อยและอุดมไปด้วยไขมันและแป้งแทน ด้วยความขี้สงสัยส่วนตัวทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าไม่มีอาหารจิ๋วที่มีผักแยะๆ มั่งเลยเหรอรึ ? เลยทำให้คิดไปถึงเปาะเปี๊ยะสดเวียดนามก็ทำให้ได้เปาะเปี๊ยะสดสูตรคล้ายๆ เวียดนามนี้ออกมา เป็นเปาะเปี๊ยะสดที่ใช้อาหารทะเลลวกผสมกับผัดสดแยะๆ และใช้เห็ดเข็มทองแทนเส้นขนมจีนค่ะ
เตรียมไส้เปาะเปี๊ยะโดยลวกกุ้ง 10 ตัวให้สุก (เราสามารถใส่อาหารทะเลอื่นๆ เพิ่มได้อีก เช่น ปลากะพงและปลาแซลมอนหั่นเป็นชิ้นๆ ลวก) พักไว้ให้เย็นเตรียมเห็ดเข็มทองไว้เป็นช่อๆ และซอยผักรวมกันไว้ ผักที่ใช้ควรเป็นผักกรอบๆ อร่อย เช่น ผักสลัดคอส ผักสลัดแก้วแคร์รอต แตงกวา สำหรับผักที่มีกลิ่นหอมนั้นให้ใช้สะระแหน่และโหระพาเด็ดใบๆ แช่น้ำไว้ เมื่อเสร็จก็เตรียมน้ำจิ้มไว้โดยตำพริกแดง 10 เม็ดกับกระเทียมไทย 10 กลีบเข้าด้วยกันผสมกับน้ำส้มสายชู 4 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 5 ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด 4 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา เคี่ยวให้เข้ากันด้วยไฟอ่อนจนเหนียว ชิมรสให้เผ็ดเปรี้ยวหวานและเค็มปะแล่ม
เปาะเปี๊ยะสดนั้นเราสามารถทำทิ้งไว้ได้ 1-2 ชั่วโมงก่อนทาน แต่ต้องใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมไว้ไม่ให้แห้ง เมื่อพร้อมให้นำแป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนามมาชุบน้ำจนเปียกผึ่งไว้พอนิ่ม จัดใบสะระแหน่และโหระพาอย่างละ 2 ใบ วางตรงกลาง ใส่กุ้งปลา ผักซอยและเห็ดเข็มทอง พับแผ่นเปาะเปี๊ยะด้านที่ไกลจากตัวเราเข้ามาและพับริมสองด้านให้ปิดไส้ ม้วนตัวเปาะเปี๊ยะเข้าหาตัวเราให้แน่นๆ พักไว้ 5 นาทีให้อยู่ตัวแล้วค่อยหั่นเป็นคำเล็กๆ รับประทานกับน้ำจิ้มและผักสด
อาหารประจำบ้าน
กระเทียม พริกแดง เกลือ น้ำส้มสายชู น้ำตาล
ตู้กับข้าว
กุ้ง ปลา ผักสดต่างๆ ใบสะระแหน่ โหระพา
รสชาติของชีวิต
แผ่นเปาะเปี๊ยะเวียดนาม เห็ดเข็มทอง
เบื่อ….! ไก่ซอสมะขาม
แน่นอนอยู่แล้ว เราย่อมไม่แก้ปัญหาด้วยการงดกินหรอกค่ะ แต่ต้องแก้ปัญหาด้วยการแอบไปกินคนเดียว ! อาหารฮิตล่าสุดของเค็กคือ ไก่ซอสมะขาม ซึ่งเป็นเนื้อไก่ทอดกรอบๆ คลุกเคล้าด้วยซอสรสเปรี้ยวอมหวาน ทานเท่าไรก็ยังไม่เบื่อสักที !
ไก่ซอสมะขามสูตรที่เค็กทำจริงๆ แล้วสามารถทานได้หลายคน ถ้ามีกับข้าวชนิดอื่นๆ ร่วมโต๊ะด้วย แต่ถ้าคนอื่นเขาเบื่อกันหมดแล้ว ก็ไม่ต้องง้อเขา ทำทานเวลาอยู่คนเดียวก็ได้ ทำให้รู้สึกเหมือนเราเอาอกเอาใจตัวเองโดยไม่ต้องคิดถึงคนอื่นดีไงคะ
ใช้เนื้อไก่ (เนื้ออก หรือสะโพก และกระดูก) 150 กรัม หั่นเป็นชิ้นๆ เตรียมไว้ แล้วทำซอสโดยเคี่ยวน้ำมะขาม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ จนเหนียวเป็นยางมะตูม ซอสน้ำมะขามนั้นเก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวันเลยค่ะ แถมการทำซอสมากๆ ก็ง่ายกว่าการทำส่วนเล็กๆ อีกด้วย (ถ้าคุณไม่ขี้เบื่อแล้วอยากทำเก็บไว้จะสะดวกมากเลยค่ะ โดยใช้ส่วนน้ำมะขาม 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาล 1/2 ตวง น้ำปลา 1/4 ถ้วยตวง ทำทานได้ถึง 4 ครั้งเลยละค่ะ) เมื่อเคี่ยวซอสมะขามเสร็จแล้ว ให้ทอดเครื่องปรุงทีละอย่างจนกรอบตามลำดับ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 10 เม็ด ใบมะกรูดฉีก 10 ใบ หอมแดงซอยบางๆ 2 หัว พริกขี้หนูแห้ง 5 เม็ด
พอพร้อมทาน ให้นำน้ำมันใหม่ตั้งไฟ เตรียมแป้งชุบที่สำเร็จรูปผสมกับน้ำ (ตามวิธีทำที่ข้างซอง) นำเนื้อไก่ที่หั่นไว้ลงชุบแป้งทอดจนกรอบแล้วเทน้ำมันออกจากกระทะให้เหลือแค่ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ซอสมะขามลงไปพอร้อน ตามไก่ทอดและเครื่องปรุงทั้งหมดลงคลุกรวมกัน ทานคนเดียว หรือถ้าคนอื่นเขายังไม่เบื่อเสียก่อน ก็แบ่งให้เขาทานด้วยนะคะ
อาหารประจำบ้าน
น้ำมะขาม น้ำตาล น้ำปลา พริกขี้หนูแห้ง
ตู้กับข้าว
เนื้อไก่ แป้งชุบทอด หอมแดงซอยบาง
ใบมะกรูด
รสชาติของชีวิต
เม็ดมะม่วงหิมพานต์